Fluke: Chance – เมื่อโชคชะตาไม่ได้มาจากการสุ่ม แต่มาจากอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น
บทนำ: เปิดประตูสู่โลกของความบังเอิญ ที่คุณอาจมองข้าม
โอเคๆ มานี่มา นั่งลงดีๆ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเรื่องหนังสือที่ชื่อว่า “Fluke: Chance” ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเกี่ยวกับ "ความบังเอิญ" แต่เชื่อสิว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของ "ดวง" หรือ "ฟลุค" แบบที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกันหรอกนะ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณดำดิ่งลงไปในมหาสมุทรแห่งเหตุและผลที่ซับซ้อนกว่าที่คุณคิดเยอะ เหมือนเรากำลังพยายามหาปลาตัวเดียวในทะเลสาบที่กว้างใหญ่ แต่ดันลืมเอาแหไปไงล่ะ จะว่าไปแล้ว การที่เรามาเจอกันวันนี้ก็อาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ ใครจะรู้ แต่ที่แน่ๆ คือคุณกำลังจะเสียเวลาอันมีค่า (หรืออาจจะไม่) ไปกับการอ่านสิ่งที่ฉันกำลังจะอธิบาย ซึ่งก็เป็นความบังเอิญอีกนั่นแหละ ถ้าคุณคิดว่าชีวิตมันง่ายๆ แค่เลือกทางที่ถูกแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นล่ะก็... เตรียมตัวเจ็บปวดได้เลย เพราะโลกนี้มันไม่ได้หมุนรอบตัวคุณสวยงามขนาดนั้นหรอกนะ
เข้าใจธรรมชาติของความบังเอิญ และผลกระทบต่อชีวิต
ความบังเอิญคืออะไรกันแน่ ถ้าไม่ใช่เรื่องของดวง?
เอาจริงๆ นะ คนส่วนใหญ่เวลาพูดถึง “ความบังเอิญ” หรือ “โชคดี” ก็จะโยนทุกอย่างไปที่โชคชะตา หรือพลังลี้ลับอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็นไงล่ะ แต่ใน “Fluke: Chance” เขาจะบอกว่า จริงๆ แล้วความบังเอิญส่วนใหญ่มันเกิดจากปัจจัยหลายอย่างที่มาบรรจบกันอย่างพอเหมาะพอดี เหมือนกับเวลาที่คุณกำลังจะเดินออกไปซื้อกาแฟ แล้วจู่ๆ ฝนก็ตกหนักพอดี คุณเลยตัดสินใจไม่ออกไป แล้ววันนั้นเองที่ข่าวหน้าหนึ่งบอกว่ามีอุบัติเหตุรถชนกันตรงทางเท้าที่คุณจะเดินผ่านพอดี คุณอาจจะคิดว่า "โห นี่มันปาฏิหาริย์ชัดๆ!" แต่จริงๆ แล้ว มันคือการที่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ หลายอย่างมารวมกันในจังหวะที่พอดีเป๊ะต่างหาก ไม่ใช่ว่ามีใครมาลิขิตไว้ให้คุณรอดนะ เข้าใจนะ? คือมันมีทั้งเรื่องที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้มารวมกันเป็น “ความบังเอิญ” ของเรานี่แหละ มันก็เหมือนกับการเล่นรูเล็ตนั่นแหละ ลูกบอลมันจะไปตกตรงไหนก็เป็นความบังเอิญจริงๆ นั่นแหละ แต่ใครที่เล่นบ่อยๆ ก็อาจจะมี "ความบังเอิญ" ที่ชนะบ่อยกว่าคนอื่น ซึ่งก็อาจจะมาจากความเข้าใจในหลักการทางสถิติ หรือการเลือกข้างที่ "บังเอิญ" จะมีโอกาสชนะมากกว่า หรืออาจจะแค่มีเงินเยอะกว่าจนเล่นได้นานกว่าก็ได้
พลังของความไม่แน่นอน: ทำไมเราถึงชอบมองข้ามมัน?
มนุษย์เรานี่แปลกอย่างนะ ชอบความแน่นอน ชอบวางแผนทุกอย่างให้เป๊ะๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ชอบหาความตื่นเต้น ความแปลกใหม่จากสิ่งที่ไม่คาดฝัน คืออยากได้ทั้งความปลอดภัยและความท้าทายในเวลาเดียวกันไงล่ะ “Fluke: Chance” เขาจะบอกว่า ความไม่แน่นอนนี่แหละคือหัวใจสำคัญของชีวิต มันคือพื้นที่ที่เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ ถ้าทุกอย่างมันคาดเดาได้หมด ชีวิตคงน่าเบื่อจนอยากจะหลับไปเลย แต่มันก็ยากนะที่จะยอมรับว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราควบคุมไม่ได้จริงๆ เราชอบคิดไปเองว่าเราเก่ง เราวางแผนดี เราเลยสำเร็จ แต่บางที... ความสำเร็จนั้นอาจจะมาจากการที่เรา “บังเอิญ” อยู่ถูกที่ถูกเวลาก็ได้นะ คิดดูสิ ถ้าสตีฟ จ็อบส์ ไม่ได้บังเอิญไปเจอคนที่สอนเรื่อง Calligraphy หรือถ้า Mark Zuckerberg ไม่ได้บังเอิญเจอเพื่อนร่วมห้องที่ช่วยพัฒนา Facebook ตอนเรียนอยู่ Harvard เรื่องราวก็อาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้ มันไม่ใช่แค่ความสามารถของพวกเขาอย่างเดียว แต่มี “ความบังเอิญ” ที่เข้ามาเสริมด้วย ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะโฟกัสที่ความสามารถจนลืมองค์ประกอบที่สำคัญนี้ไปไงล่ะ แล้วก็มานั่งโทษตัวเองเวลาไม่สำเร็จ โดยไม่รู้ว่าบางทีมันก็เป็นแค่เรื่องของ “จังหวะ” ที่ยังไม่ลงตัวเท่านั้นเอง
ความสัมพันธ์แบบเหตุและผลที่ซับซ้อน: ไม่ใช่แค่ A นำไปสู่ B
นี่แหละคือจุดที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด! เราชอบคิดว่าถ้าเราทำ A แล้ว ผลลัพธ์มันต้องเป็น B เสมอ ซึ่งในโลกที่เต็มไปด้วย “ความบังเอิญ” มันไม่ใช่แบบนั้นไง การทำ A อาจจะนำไปสู่ B, C, D หรือแม้กระทั่ง Z ก็ได้ หรือบางทีการทำ A อาจจะไม่มีผลอะไรเลยในตอนนี้ แต่ไปส่งผลตอนหลัง หรือผลลัพธ์อาจจะไม่ได้มาจาก A โดยตรง แต่มาจากเหตุการณ์อื่นๆ ที่มาผสมกัน “Fluke: Chance” จะอธิบายว่า เราต้องมองความสัมพันธ์แบบเป็นเครือข่าย (network) ที่เชื่อมโยงกันไปหมด ไม่ใช่แค่เส้นตรง ลองนึกถึงการปล่อยโดมิโนตัวแรกสิ มันส่งผลให้ตัวต่อไปล้มไปเรื่อยๆ แต่ถ้ามีโดมิโนตัวอื่นที่วางผิดที่ หรือมีลมพัดมา มันก็อาจจะหยุดชะงักได้เหมือนกัน ชีวิตก็เหมือนโดมิโนที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก การกระทำของเราเพียงครั้งเดียวอาจจะส่งผลกระทบไปหลายทอด และผลลัพธ์ที่เราเห็น อาจจะไม่ได้มาจากสิ่งที่เราทำเพียงอย่างเดียว แต่มันเกิดจากการรวมกันของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เหมือนกับนักกีฬาที่ฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่วันแข่งเกิดมีอาการป่วยเล็กน้อย ก็อาจจะส่งผลต่อฟอร์มการเล่นได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เพราะเขาซ้อมไม่ดี แต่มันมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไง เข้าใจมั้ยว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากน่ะ
การนำความเข้าใจใน “Fluke: Chance” ไปปรับใช้
การตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอน: กลยุทธ์ที่ใช้ได้จริง
เมื่อเรายอมรับว่าความบังเอิญมีอยู่จริง และความสัมพันธ์แบบเหตุและผลมันซับซ้อน การตัดสินใจของเราก็ต้องเปลี่ยนไป เราจะมองหา “โอกาส” ที่ซ่อนอยู่ใน “ความบังเอิญ” นั้นๆ แทนที่จะรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ หรือพยายามควบคุมทุกอย่างจนตัวเองเครียดตายไปก่อน หนังสือเล่มนี้จะแนะนำให้เราใช้หลักการของ “ความน่าจะเป็น” และ “สถิติ” มาช่วยในการตัดสินใจมากขึ้น ลองคิดดูว่า ถ้าคุณต้องเลือกลงทุนในธุรกิจสองแบบ แบบแรกมั่นคงแต่กำไรน้อย แบบสองเสี่ยงสูงแต่มีโอกาสกำไรมหาศาล แทนที่จะเลือกแบบที่คิดว่า “ชัวร์” คุณอาจจะต้องคำนวณ “โอกาส” ที่จะสำเร็จของแต่ละแบบ และเลือกลงทุนในแบบที่มีโอกาสชนะสูงกว่า แม้จะมีความเสี่ยงก็ตาม หรือถ้าคุณกำลังมองหางานใหม่ แทนที่จะรอตำแหน่งงานที่ตรงสเป็คเป๊ะๆ คุณอาจจะลองสมัครในตำแหน่งที่ใกล้เคียง หรือในบริษัทที่คุณสนใจ แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ “ความบังเอิญ” ที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ก็เปิดโอกาสให้คุณได้เข้าไปสัมผัส และอาจจะเจอ “ความบังเอิญ” ดีๆ อย่างอื่นต่อจากนั้นก็ได้นะ มันเหมือนกับการโยนลูกเต๋าหลายๆ ครั้ง โอกาสที่จะออกหน้าเดิมซ้ำๆ อาจจะน้อย แต่ถ้าโยนไปเรื่อยๆ มันก็เกิดขึ้นได้เสมอ อย่าไปยึดติดกับ “ความบังเอิญ” ที่เราคิดว่ามันควรจะเป็น
มองเห็นโอกาสในความผิดพลาด: เมื่อความบังเอิญนำไปสู่สิ่งที่ไม่คาดคิด
ใครบ้างล่ะที่ชอบทำผิดพลาด? ไม่มีใครอยากทำหรอกจริงไหม? แต่ในโลกของ “Fluke: Chance” ความผิดพลาดบางอย่างก็อาจจะเป็น “ความบังเอิญ” ที่นำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าก็ได้นะ ลองนึกถึงนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการทดลองแล้วผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่บังเอิญไปเจอคุณสมบัติใหม่ของสารบางอย่างที่กลายเป็นยาหรือวัสดุใหม่ที่สำคัญ หรือนักธุรกิจที่วางแผนการตลาดพลาด แต่บังเอิญทำให้สินค้าของเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการพูดคุยกันในโซเชียลมีเดียแทน การที่เรามองความผิดพลาดเป็นเพียง “ความล้มเหลว” มันจะทำให้เราปิดกั้นตัวเองจากโอกาสใหม่ๆ ที่อาจจะซ่อนอยู่หลังความผิดพลาดนั้นๆ ต่างหาก หนังสือเล่มนี้จะสอนให้เราเปิดใจรับ “ความบังเอิญ” ที่เกิดจากความผิดพลาด และมองหา “บทเรียน” หรือ “โอกาส” ใหม่ๆ ที่อาจจะซ่อนอยู่เบื้องหลัง เหมือนกับเวลาคุณทำกาแฟหกใส่เสื้อขาว แทนที่จะวิ่งไปหาที่เปลี่ยนทันที ลองมองดีๆ บางทีรอยเปื้อนนั้นอาจจะทำให้เสื้อตัวนี้ดูมีสไตล์ขึ้นมาก็ได้ ใครจะรู้? (แต่ก็ไม่แนะนำให้ทำหกนะ เดี๋ยวจะหาว่าฉันสอนไม่ดี)
การปรับมุมมองต่อความสำเร็จและความล้มเหลว
เมื่อเราเข้าใจเรื่อง “ความบังเอิญ” และ “ความไม่แน่นอน” มากขึ้น มุมมองต่อความสำเร็จและความล้มเหลวของเราก็จะเปลี่ยนไป เราจะไม่ยึดติดกับความสำเร็จมากเกินไปจนเหลิง และไม่จมปลักกับความล้มเหลวมากเกินไปจนท้อถอย เพราะเรารู้ว่าทั้งสองอย่างนี้มันมีส่วนประกอบของ “ความบังเอิญ” อยู่เสมอ การที่เราประสบความสำเร็จอาจจะไม่ได้หมายความว่าเราเก่งกว่าคนอื่นเสมอไป และการที่เราล้มเหลวก็ไม่ได้หมายความว่าเราไร้ความสามารถเสมอไป แต่มันคือผลลัพธ์ของหลายๆ ปัจจัยรวมกัน ทั้งความพยายาม ความรู้ ความสามารถ โอกาส และ “ความบังเอิญ” ที่เราอาจจะมองไม่เห็น การยอมรับ “ความบังเอิญ” จะทำให้เรามีความยืดหยุ่นทางอารมณ์มากขึ้น มองโลกในแง่ดีขึ้น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนในชีวิตได้อย่างสงบมากขึ้น ลองนึกถึงนักกีฬาที่ชนะการแข่งขัน เขาอาจจะภูมิใจในความพยายามของตัวเอง แต่ก็ยอมรับว่ามีโชคส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาชนะได้ ในขณะเดียวกัน นักกีฬาที่แพ้ ก็จะมองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ และมีโอกาสกลับมาสู้ใหม่ได้โดยไม่เสียกำลังใจมากเกินไป เพราะเขาเข้าใจว่ามีปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากความสามารถของเขาที่ส่งผลต่อผลการแข่งขันในวันนั้น
ปัญหาและแนวทางการแก้ไขที่พบบ่อย
ปัญหา: การยึดติดกับเหตุและผลแบบเส้นตรง
หลายคนยังคงมองว่าทุกอย่างเป็นเส้นตรง ทำ A ต้องได้ B หากไม่ได้ ก็โทษว่าตัวเองทำไม่ดีพอ หรือโทษว่าอีกฝ่ายไม่ทำตามที่ตกลง โดยไม่เปิดรับความเป็นไปได้อื่น ๆ หรือปัจจัยภายนอกที่เข้ามาแทรกแซง ซึ่งทำให้เกิดความผิดหวังและอคติได้ง่ายมาก แนวทางแก้ไขคือการฝึกคิดแบบเครือข่าย (network thinking) และยอมรับว่ามีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ที่มองเห็น ซึ่งรวมถึง “ความบังเอิญ” ที่เราควบคุมไม่ได้ด้วย
3 สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “Fluke: Chance”
หนังสือเล่มนี้เปลี่ยนมุมมองของคุณเกี่ยวกับ "โชค" ไปตลอดกาล
ถ้าคุณเคยคิดว่าโชคเป็นเรื่องของคนบางกลุ่มเท่านั้น หลังจากอ่านเล่มนี้ คุณจะมองเห็นว่า “ความบังเอิญ” นั้นมีอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา และเราสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ ถ้าเราเข้าใจมันจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องของคนพิเศษ แต่มันคือส่วนหนึ่งของกลไกโลกที่เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมัน
เรียนรู้วิธีการตัดสินใจที่ดีขึ้น แม้ในสถานการณ์ที่ข้อมูลไม่ครบถ้วน
ในโลกที่ทุกอย่างไม่แน่นอน การตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลที่สมบูรณ์แบบนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ หนังสือเล่มนี้จะสอนให้คุณใช้ “สัญชาตญาณ” ผสมผสานกับ “การประเมินความน่าจะเป็น” และยอมรับ “ความเสี่ยง” ที่มาพร้อมกับ “ความบังเอิญ” เพื่อตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ยกระดับความสัมพันธ์ของคุณด้วยการเข้าใจ "ความบังเอิญ" ในการสื่อสาร
หลายครั้งที่ความเข้าใจผิดหรือความขัดแย้งในความสัมพันธ์ เกิดจากการที่เราตีความคำพูดหรือการกระทำของอีกฝ่ายตาม “เหตุและผล” ที่เราคาดหวัง โดยไม่เผื่อใจว่าอาจจะมี “ความบังเอิญ” บางอย่างที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร การเข้าใจหลักการในหนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้คุณมองสถานการณ์ต่างๆ ในความสัมพันธ์ได้อย่างใจเย็นและมีเหตุผลมากขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “Fluke: Chance”
ฉันจะเริ่มต้นนำแนวคิดของ “Fluke: Chance” มาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร?
โอ๊ย... ก็ลองเริ่มจากการสังเกต “ความบังเอิญ” เล็กๆ น้อยๆ รอบตัวคุณนั่นแหละ เช่น ทำไมวันนี้ถึงเจอคนเดิมซ้ำๆ หรือทำไมถึงได้ยินเพลงเดิมๆ ติดต่อกันสามครั้ง หรือลองตั้งคำถามกับผลลัพธ์ที่คุณได้รับในแต่ละวันว่า มีปัจจัยอื่นใดบ้างนอกจากสิ่งที่คุณคาดหวัง หรือสิ่งที่คุณทำไปแล้วบ้าง ยอมรับว่าบางครั้งการตัดสินใจที่ดูเหมือน “สุ่มเสี่ยง” อาจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจก็ได้ ลองค่อยๆ ปรับมุมมองทีละนิด ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวจะกลายเป็น “ความบังเอิญ” ที่ทำให้คุณปวดหัวเอาได้นะจ๊ะ
หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใครบ้าง?
จริงๆ ก็เหมาะกับทุกคนแหละค่ะ แต่ถ้าให้เจาะจงหน่อยก็คงเป็นคนที่กำลังรู้สึกว่าชีวิตมันย่ำอยู่กับที่ ทำเท่าไหร่ก็ไม่ไปไหน หรือคนที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนในชีวิต แล้วอยากหาทางรับมือกับมัน หรือคนที่อยากเข้าใจกลไกเบื้องหลังความสำเร็จและความล้มเหลวของคนรอบข้าง หรือแม้กระทั่งคนที่แค่เบื่อๆ อยากหาอะไรอ่านสนุกๆ ที่ทำให้คุณต้องกลับมาคิดทบทวนชีวิตตัวเองใหม่ทั้งหมด ก็อ่านได้หมดค่ะ คือใครก็ได้ที่อยากจะฉลาดขึ้นสักนิดน่ะนะ
“Fluke: Chance” แตกต่างจากหนังสือพัฒนาตนเองเล่มอื่นอย่างไร?
มันต่างตรงที่หนังสือพัฒนาตนเองส่วนใหญ่มักจะบอกให้คุณ “ควบคุม” หรือ “สร้าง” ทุกอย่างให้เป็นไปตามที่คุณต้องการไงล่ะ แต่ “Fluke: Chance” เขาจะบอกว่าบางทีการยอมรับว่าเราควบคุมอะไรไม่ได้ทั้งหมด และเรียนรู้วิธี “รับมือ” กับความไม่แน่นอน รวมถึงใช้ประโยชน์จาก “ความบังเอิญ” ต่างหากที่จะทำให้ชีวิตคุณไปได้ไกลกว่า แทนที่จะพยายามบังคับทุกอย่างให้เป็นไปตามแผนจนเครียดตายไปก่อนน่ะสิ คือมันจะให้มุมมองที่ “เป็นจริง” มากกว่า และลดความคาดหวังที่อาจจะทำให้เราผิดหวังได้ง่ายๆ
หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ฉัน "โชคดี" ขึ้นจริง ๆ หรือไม่?
ถ้าคำว่า "โชคดี" ของคุณคือการที่คุณจะนั่งเฉยๆ แล้วเงินทองจะหล่นทับหัว หรืออยู่ๆ ก็มีคนมามอบตำแหน่งดีๆ ให้โดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลยล่ะก็... ไม่เลยค่ะ! แต่ถ้า "โชคดี" ในความหมายของคุณคือการที่คุณมีมุมมองที่เฉียบคมขึ้น สามารถมองเห็นโอกาสที่คนอื่นมองข้าม ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ดีขึ้น และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใต้ความไม่แน่นอน นั่นแหละ ใช่เลย หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณ "ฉลาด" ที่จะคว้าโอกาสที่เรียกว่า "ความบังเอิญ" ได้ดีขึ้น ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะนำไปสู่สิ่งที่คุณเรียกว่า "โชคดี" ก็เป็นได้นะ
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์เกี่ยวกับจิตวิทยาและพฤติกรรมมนุษย์
สำหรับใครที่อยากเข้าใจว่าทำไมคนเราถึงคิดและทำอะไรแบบนั้นแบบนี้ เว็บไซต์นี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของจิตวิทยาและพฤติกรรมมนุษย์ ซึ่งหลายอย่างก็เกี่ยวพันกับ “ความบังเอิญ” และการรับมือกับความไม่แน่นอนที่คุณจะได้เรียนรู้จาก “Fluke: Chance” ด้วยนะ เข้าไปดูได้ที่ สมาคมนักจิตวิทยาคลินิกไทย
แหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับสถิติและความน่าจะเป็น
ถ้าคุณเป็นสายวิเคราะห์ ชอบตัวเลข และอยากเข้าใจหลักการเบื้องหลังของ “ความบังเอิญ” มากขึ้น เว็บไซต์นี้ก็เป็นอีกแหล่งข้อมูลที่ดีที่จะช่วยให้คุณเข้าใจหลักสถิติและความน่าจะเป็น ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจแนวคิดใน “Fluke: Chance” นะ ลองเข้าไปศึกษาดูได้ที่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)